ประกันภัยอาชญากรรม
การเข้าถึงข้อมูลและเอกสารมักเป็นเรื่องง่ายสำหรับพนักงาน แต่การกระทำดังกล่าวอาจสร้างปัญหาว้ายวอด
ประกันภัยอาชญากรรมคืออะไร?
ประกันภัยอาชญากรรม ช่วยปกป้องทรัพย์สินขององค์กรจากการกระทำผิดโดยเจตนา เช่น ความไม่ซื่อสัตย์ การโจรกรรม หรือการฉ้อโกงจากพนักงานหรือบุคคลภายนอก โดยพื้นฐานแล้ว เป็นความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าประกันภัยทั่วไปในลักษณะเดียวกัน fidelity guarantee เนื่องจากให้ความคุ้มครองถึงการกระทำของบุคคลภายนอก แม้ว่าหลายธุรกิจอาจมองว่าระบบบริหารจัดการและการควบคุมทางการเงินของตนเพียงพอแล้ว แต่อุบัติการณ์ร้ายแรงก็ยังสามารถเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อองค์กรได้
ประกันภัยอาชญากรรมให้ความคุ้มครองอย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วประกันภัยอาชญากรรมให้คความคุ้มครองตามดังต่อไปนี้:
- ความไม่สุจริตของพนักงาน
- ความคุ้มครองการฉ้อโกงด้านคอมพิวเตอร์
- ความสูญหายหรือเสียหายของทรัพย์สิน
- การปลอมแปลงเอกสาร
- การโจรกรรมจากสถานที่ประกอบการ
- การจี้ชิงทรัพย์นอกสถานที่ประกอบการ
- ค่าใช้จ่ายในการสืบสวนสอบสวน
- การยักยอกฉ้อฉล
ประกันภัยอาชญากรรมมีประโยชน์ต่อธุรกิจคุณอย่างไร?
ประกันภัยทั่วไปแล้วมักไม่ให้ความคุ้มครองด้านการกระทำของพนักงานหรือบุคคลภายนอก นอกจากนี้ถึงแม้คุณอาจมีความไว้วางใจกับพนักงานของคุณ และมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอาชญกรรมที่แน่นหนา แต่คุณไม่สามารถรับประกันได้เสมอว่าพนักงานหรือบุคคลภายนอกจะไม่ก่ออาชญากรรม ดังนั้นการทำประกันภัยอาชยญกรรมสามารถสร้างประโยชน์ในการการปิดช่องโหว่ของกรมธรรม์ประเภทอื่นได้ และสร้างความสบายใจให้กับคุณอีกด้วย
ประกันภัยอาชญากรรมเหมาะกับธุรกิจคุณไหม?
หากธุรกิจของคุณเข้าลักษณะการทำธุรกรรมดังต่อไปนี้ ธุรกิจคุณอาจมีความเหมาะกับการทำประกันภัยอาชญกรรมเป็นพิเศษ:
- มีพนักงานหรืออาสาสมัครทำปฎิบัติหน้าที่ที่อาจเข้าถึงทรัพย์สินคุณได้
- ดำเนินการธุรกิจกับลูกค้าหรือบุคคลภายนอก เช่น ผู้ขาย ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่าย
- มีการเก็บบันทึกข้อมูลบริษัท
- รับเงินสด เช็ค หรือ บัตรเครดิตในการจำหน่ายสินค้าหรือการบริการ
- มีความจำเป็นในการเก็บรักษาและดูแลสต๊อกสินค้าและวัสดุ

ประกันภัยอาชญากรรมมีค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน?
องค์ประกอบที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายการออกกรมธรรม์ประกันภัยอาชญกรรมมีหลายปัจจัย โดยรายละเอียดดังต่อไปนี้เป็นปัจจัยหลักในการประเมินเบี้ยๆ:
- ขนาดธุรกิจ: จำนวนพนักงานและรายได้ ยิ่งมีพนักงานมากขึ้นและมีรายได้มากขึ้นเท่าใด ความเสี่ยงที่จะเกิดอาชญากรรมก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มเบี้ยประกันภัย
- มาตรการและนโยบายด้านความปลอดภัย: การวางกระบวนการหรือระเบียบการด้านความปลอดภัยที่แน่นหนาสามารถแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของสำนักงาน นอกจากนี้การลงทุนในเทคโนโลยีสามารถส่งผลให้เบี้ยประกันภัยลดได้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นอันที่ดีที่สุด เพียงแค่มีกล้องไม่กี่ตัว และการวางมาตรการการเข้าถึงเงินสดและหลักทรัพย์ที่มั่นคงสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่บริษัทประกันภัยได้ และอาจส่งผลให้เบี้ยประกันภัยลดได้เช่นเดียวกัน
- มาตรการและนโยบายด้านบัญชี: ค่าใช้จ่ายในการออกกรมธรรม์ประกันภัยอาชญกรรมสามารถลดได้หากมีการแบ่งแยกหน้าที่ปฎิบัติงานที่ชัดเจน และการสร้างกระบวนการที่เข้มงวดในแง่ของการฝากเงิน รับเช็ค ขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการฝากเงิน เช็ค การจัดการสินค้าคงคลัง และการอนุมัติการโอนเงินผ่านธนาคาร
- มุลค่าของทรัพย์สินและอุปกรณ์: เบี้ยประกันภัยสามารถเพิ่มขึ้นได้หากพนักงานเข้าถึงทรัพย์สินได้ง่าย โดยเฉพาะทรัพย์สินมีค่า
- วงเงินหรือทุนประกันภัย: วงเงินคุ้มครองแสดงถึงจำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะได้รับชดเชยในกรณีที่มีการเรียกร้อง ดังนั้น วงเงินที่สูงขึ้นย่อมหมายถึงความคุ้มครองที่แพงขึ้น
- ประวัติค่าสินไหมทดแทน: ประวัติทดแทนค่าสินไหมมีผลต่อเบี้ยประกันภัย ดั้งนั้น เบี้ยประกันภัยอาจถูกปรับขึ้นหากธุรกิจใดๆมีประวัติทดแทนค่าสินไหมที่สูง
- ค่าเสียหายส่วนแรก: ค่าเสียหายส่วนแรกนั้นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องออกก่อนเมือเกิดเคลม ดังนั้นเบี้ยประกันภัยอาจถูกลงมาได้หากกรมธรรม์นั้มีค่าเสียหายส่วนแรกที่สูง
- สถานที่ประกับการ: บางบริษัทประกันภัยใช้สถานที่ประกอบการมาเป็นหนึ่งในปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัย เนื่องจากบางสถานที่อาจมีประวัติการเกิดอาชญกรรมบ่อยครั้งกว่าที่อื่นจึงอาจ มองว่ามีความเสี่ยง ส่วนสถานที่ไม่ค่อยมีการก่ออาชญกรรมดังนั้นสถานที่ไม่ค่อยมีการก่ออาชญกรรม บริษัทประกันภัยอาจ มองว่าเป็นสภานที่ที่มีความปลอดภัยในการทำงานและดำเนินชีวิต โดยรวมแล้ว ความเสี่ยงกับเบี้ยประกันภัยมีความสอดคล้องกัน